22 กรกฎาคม 2554
ได้ฤกษ์ลงกล้ายางพาราซะที
หลังจากที่รอแล้วรออีก ว่าทาง สกย. จะแจกกล้ายางพันธุ์ดีให้พวกเรามาปลูก แต่ก็เจอโรคเลื่อนครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งในที่สุดทาง สกย. ยกเลิกการแจกกล้ายาง เนื่องจากราคากล้ายางแพงขึ้นหลายเท่าตัว โดยทาง สกย. ตั้งราคากล้ายางที่จะซื้อมาแจกไว้ที่กล้าละ 18 บาท แต่ราคาขายตามท้องตลาด ณ ปัจจุบันเขาขายกันที่กล้าละ 50 - 60 บาท ดังนั้นจึงไม่มีใครเสนอขายกล้ายางให้กับทาง สกย. เลยแม้แต่รายเดียว (เป็นผมก็คงไม่ขายให้)
ทาง สกย. จึงเปลี่ยนแผนใหม่ให้พวกเราไปหาซื้อกล้ายางพารากันเอง แล้วทาง สกย. จะช่วยค่ากล้ายางพารา กล้าละ 18 บาท โดยที่เราต้องรับภาระราคากล้ายางส่วนที่เหลือเอง โดยคำณวนให้ในอัตรา 76 ต้นต่อไร่ (ปลูกระยะห่าง 3x7 เมตร) ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้สนใจปลูกยางพาราหลายรายที่มาเข้าร่วมโครงการรุ่นเดียวกันกับผม ตัดสินใจยังไม่ปลูกยางในปีนี้ เพื่อรอดูราคากล้ายางในปีหน้าอีกครั้งหนึ่ง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมเองซึ่งได้ลงทุนปรับพื้นที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว และไม่อยากเสียเวลารออีกปีหรือสองปีซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการเปิดกรีดช้าเข้าไปอีก จึงตัดใจหาซื้อกล้ายางพารามาปลูกในปีนี้ทันที
ผมได้ตระเวนดูกล้ายางจากหลายๆที่ ทั้งในเชียงใหม่ เชียงราย แต่ในที่สุดก็ได้กล้ายางพาราที่อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งคิดว่าคุณภาพกับราคาไปกันได้และผมรับได้
ผมได้กล้ายางหนึ่งฉัตร พันธุ์ RRIM600 มาในราคากล้าละ 55 บาท ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ทางสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางแนะนำสำหรับพื้นที่ปลูกยางใหม่ในภาคเหนือ ซึ่งเหมาะกับการปลูกในพื้นที่ค่อนข้างแล้ง (แต่เท่าที่สังเกตุกล้าต้นยางพาราที่ได้มา น่าจะมีพันธุ์ RRIT251 ปนมาบ้างหลายต้นเหมือนกัน)
ขุดหลุมขนาด 50x50x50 ซม. (กว้าง ยาว ลึก) แล้วรองพื้นด้วยหินฟอสเฟต ผสมกับขี้วัว และฟูราดารกันปลวกและแมลง โชคดีที่บริเวณใกล้ๆกับสวนยางพาราของผม ชาวบ้านแถวนี้ทำฟาร์มโคนมกันหลายราย จึงมีขี้วัวใส่กระสอบขายกันเยอะมากทีเดียวและราคาก็ไม่แพงด้วย แถวดอยหล่อขายกันอยู่ที่กระสอบละ 50 บาทและมีขายทั้งปี
เสร็จแล้วก็ลงมือปลูกยางพารากันเลย
จริงๆแล้วสำหรับดินทรายแถวๆนี้ ส่วนตัวผมเองคิดว่าขุดหลุม 50x50 ค่อนข้างที่จะกว้างเกินไป เพิ่งมารู้ตัวก็ตอนปลูกแล้วต้องกลบหลุมนี่แหล่ะ เหนื่อยมาก ซึ่งตอนขุดได้จ้างชาวบ้านแถวนี้ขุดหลุมให้ แต่เนื่องจากชาวบ้านแถวนี้ไม่เคยปลูกยางมาก่อน จึงไม่กล้าจ้างเขาปลูกเพราะกลัวจะมือหนักทำดินถุงชำแตก ทำให้กล้ายางเสียหาย (กล้ายางแพงด้วยปีนี้) เลยต้องลงมือปลูกเองกับคนในครอบครัวสองสามคน ตอนจ้างเขาขุดหลุมอยากได้กว้างๆ เพราะกลัวจะไม่ถึง 50x50 ซม. ตามที่ได้ไปอบรมมา แต่พอถึงเวลาปลูกและกลบหลุมถึงได้รู้ว่า มันกว้างเกินไปมั้ย ซึ่งหากเป็นดินเหนียวหรือดินลูกรังที่แข็งๆ การขุดหลุมกว้างๆ น่าจะช่วยในการแตกรากของต้นยางได้ดี แต่แถวนี้เป็นทรายอยู่แล้วจึงคิดว่าเรื่องแตกรากคงไม่น่าจะยากเย็นอะไรนัก จะกลัวก็แต่สารอาหารในดินมีน้อยเท่านั้นเอง
หลังจากก้มๆ เงยๆ อยู่กับหลุมปลูกยาพารามาหลายวัน ในที่สุดก็ปลูกครบทั้งหมดซะที เล่นเอาปวดขาปวดหลังกันไปหลายวันเลยทีเดียว
ตอน วางแนวปลูกเราได้ใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกที่ทางใต้เรียกไม้ชะมบ ปักเป็นแนวสำหรับขุดหลุมเอาไว้ เมื่อปลูกเสร็จก็เอาไม้อันนี้แหล่ะปักเป็นไม้หลักและผูกต้นกล้ายางพาราไว้ สำหรับช่วยพยุงลำต้นยางพารา ไม่ให้ล้มและตั้งตรง
และแล้วยอดฉัตรใหม่ก็งอกขึ้นมา
โตวันโตคืนนะต้นยางจ๋า :-)